Saturday 24 October 2015

อพยพ บทเรียน 20: "โลหิตแห่งพันธสัญญา"



ตกผลึกความจริงจากพระธรรมอพยพ
บทเรียน 20:


"โลหิตแห่งพันธสัญญา"

ศึกษาเกี่ยวกับโลหิตแห่งพันธสัญญาที่มีการกล่าวถึงในพิธีประกาศใช้ธรรมบัญญัติ (อพยพ 24) ว่าเกี่ยวข้องกับชีวิตของเราในฐานะผู้เชื่อในพันธสัญญาใหม่อย่างไร 


4 โมเสสจึงจารึกพระวจนะของพระยาห์เวห์ไว้ทุกคำ แล้วลุกขึ้นแต่เช้า สร้างแท่นบูชาขึ้นที่เชิงภูเขา และตั้งเสาหินขึ้นสิบสองต้นตามจำนวนสิบสองเผ่าของอิสราเอล
5 ท่านใช้ให้พวกคนหนุ่มๆ ของอิสราเอลถวายเครื่องบูชาเผาทั้งตัวและถวายโคเป็นเครื่องศานติบูชาแด่พระยาห์เวห์
6 แล้วโมเสสเอาเลือดโคครึ่งหนึ่งใส่ไว้ในอ่าง อีกครึ่งหนึ่งก็ประพรมที่แท่นบูชานั้น
7 ท่านเอาหนังสือพันธสัญญามาอ่านให้ประชาชนฟัง พวกเขากล่าวว่า "ทุกคำที่พระยาห์เวห์ตรัสนั้น เราจะทำตาม และเราจะเชื่อฟัง"
8 โมเสสก็เอาเลือดประพรมประชาชนและกล่าวว่า "นี่เป็นโลหิตแห่งพันธสัญญา ซึ่งพระยาห์เวห์ทรงทำกับพวกท่านตามพระวจนะทั้งสิ้นเหล่านี้"
(อพยพ 24:4-8)

บทเรียนที่แล้ว ผมได้เล่าให้ฟังเกี่ยวกับ "พันธสัญญา" ในพระคัมภีร์แล้ว คราวนี้ผมอยากจะขอกลับมาสู่ อพยพ 24 ซึ่งเป็นการประกาศใช้ธรรมบัญญัติอย่างเป็นทางการ และทำให้ธรรมบัญญัตินั้นกลายเป็นพันธสัญญา ในพิธีประกาศใช้ธรรมบัญญัตินี้ มีสิ่งหนึ่งที่สำคัญและมีผลต่อชีวิตของผู้เชื่อทุกคนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นั่นคือ "โลหิตแห่งพันธสัญญา" และหลังจากเสร็จสิ้นพิธีกรรม โมเสสก็ขึ้นไปเข้าเฝ้าพระเจ้า อยู่กับพระองค์เป็นเวลาสี่สิบวันสี่สิบคืน

สำหรับเราทุกคนที่เคยอ่านพระคัมภีร์ใหม่แล้ว ก็คงจะคุ้นๆ กับคำว่า "โลหิตแห่งพันธสัญญา" แน่นอนโลหิตแห่งพันธสัญญาในพิธีการประกาศใช้ธรรมบัญญัตินั้นเป็นเพียงเลือดของสัตว์ที่โมเสสถวายบนแท่นบูชาเท่านั้น มันไม่ได้มีความศักดิ์สิทธิ์อะไรหรอก แต่ความสำคัญของมันก็คือ มันเป็นเงาของของแท้ที่จะเกิดขึ้นตามมา นั่นคือ พระโลหิตล้ำค่าของพระเยซู ซึ่งมีผลต่อคนทุกยุคทุกสมัย ทั้งในพระคัมภีร์เดิม พระคัมภีร์ใหม่ และในชีวิตของผู้เชื่อยุคปัจจุบัน

ในคืนที่พระเยซูจะถูกทรยศและถูกจับนั้น พระองค์ได้จัดตั้งพิธีมหาสนิทขึ้นมา ซึ่งมีการกินขนมปังและดื่มเหล้าองุ่น อันเป็นเครื่องหมายถึงร่างกายและพระโลหิตของพระองค์ ที่จะสละสิ้นเพื่อเราทุกคน

26 ระหว่างรับประทานอยู่นั้น พระเยซูทรงหยิบขนมปังขึ้นมา และเมื่อขอพระพรแล้ว ก็ทรงหักส่งให้บรรดาสาวกตรัสว่า "จงรับไปกินเถิด นี่เป็นกายของเรา"
27 แล้วพระองค์ทรงหยิบถ้วย เมื่อขอบพระคุณแล้ว ก็ทรงส่งให้พวกเขาตรัสว่า "จงรับไปดื่มทุกคนเถิด
28 เพราะว่านี่เป็นโลหิตของเราอันเป็นโลหิตแห่งพันธสัญญาที่หลั่งออกเพื่อยกบาปโทษคนจำนวนมาก"
(มัทธิว 26:28)

ในพระธรรมลูกา พระเยซูประกาศชัดเจนว่า พระองค์ไม่ได้มาเพื่อเติมเต็มพันธสัญญาเดิมเท่านั้น แต่พระองค์ยังได้ประกาศใช้ "พันธสัญญาใหม่" โดยโลหิตของพระองค์

"เมื่อรับประทานแล้ว จึงทรงหยิบถ้วยและทรงทำเหมือนกันตรัสว่า "ถ้วยนี้ที่เทออกเพื่อท่านทั้งหลาย เป็นพันธสัญญาใหม่โดยโลหิตของเรา"
(ลูกา 22:20)

เมื่อพูดถึงคำว่า "ใหม่" เราอาจจะคิดถึงว่ามันคือสิ่งที่เกิดขึ้นทีหลังของ "เดิม" (ถ้าหากว่าคำว่า "ใหม่" มีความหมายแค่ในเชิงเวลาแล้ว ตอนนี้พันธสัญญาใหม่ที่มีอายุ 2000 ปีก็คงจะเก่าแล้วใช่รึเปล่าครับ?) แต่แท้จริงแล้ว คำว่า "ใหม่" ยังมีความหมายในเชิงคุณภาพด้วย นั่นคือ พันธสัญญาใหม่ดีกว่าพันธสัญญาเดิมอย่างเทียบกันไม่ได้เลยทีเดียว ด้วยเหตุนี้อัครทูตเปาโลจึงเน้นย้ำอย่างแข็งขันว่า เมื่อเราอยู่ภายใต้พันธสัญญาใหม่แล้ว อย่ากลับไปใช้ชีวิตแบบคนที่อยู่ในพันธสัญญาเดิมอีก

แต่บัดนี้พระเยซู ทรงได้รับพันธกิจที่สูงส่งกว่าของพวกเขา เช่นเดียวกับที่พระองค์ทรงเป็นคนกลางแห่งพันธสัญญาอันประเสริฐกว่า ซึ่งตั้งอยู่บนพระสัญญาที่ประเสริฐกว่า
(ฮีบรู 8:6)

พันธสัญญาใหม่ที่พระเยซูได้ทำกับเราเกิดผลสมบูรณ์บนกางเขน เมื่อพระองค์สละชีวิตเพื่อไถ่บาปของเราทุกคน และพระโลหิตของพระองค์ก็หลั่งไหลออกมา เพราะการตายของพระองค์ สัญญา/ข้อตกลงก็กลายเป็นพินัยกรรม ทำให้ทุกคนที่เชื่อวางใจในพระองค์ก็ได้รับมรดกแห่งพระพรกันถ้วนหน้า

บทเรียนนี้ ผมขอเล่าให้ฟังต่อว่า พระพรอันยอดเยี่ยมที่เราได้รับในฐานะผู้เชื่อใหม่ผ่านทาง "โลหิตแห่งพันธสัญญา" นั้นมีอะไรบ้าง

1. เราได้รับ "การไถ่" ผ่านทางโลหิตแห่งพันธสัญญา

"เพราะว่านี่เป็นโลหิตของเราอันเป็นโลหิตแห่งพันธสัญญาที่หลั่งออกเพื่อยกบาปโทษคนจำนวนมาก"
(มัทธิว 26:28)

18 พวกท่านรู้ว่าพวกท่านได้รับการไถ่ออกจากการดำเนินชีวิตที่ไร้สาระ ซึ่งตกทอดมาจากบรรพบุรุษของพวกท่าน ไม่ใช่ไถ่ด้วยสิ่งที่เสื่อมสลายได้เช่นเงินหรือทอง
19แต่ด้วยพระโลหิตล้ำค่าของพระคริสต์ ดังเลือดลูกแกะที่ไร้ตำหนิและไร้จุดด่างพร้อย
(1 เปโตร 1:18-19)

10 นี่คือพันธสัญญาที่เราจะทำกับชนชาติอิสราเอล ภายหลังจากสมัยนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส "เราจะบรรจุธรรมบัญญัติของเราไว้ในจิตใจของพวกเขา และเราจะจารึกมันไว้ในดวงใจของพวกเขา และเราจะเป็นพระเจ้าของพวกเขา และพวกเขาจะเป็นประชากรของเรา
11 และพวกเขาจะไม่สอนเพื่อนบ้าน และพี่น้องของตนแต่ละคนว่า 'จงรู้จักองค์พระผู้เป็นเจ้า' เพราะเขาทุกคนจะรู้จักเรา ตั้งแต่คนต่ำต้อยที่สุดจนถึงคนใหญ่โตที่สุด
12 เพราะเราจะเมตตาต่อการอธรรมของพวกเขา และจะไม่จดจำบรรดาบาปของพวกเขาไว้เลย"
(ฮีบรู 8:10-12)

นี่คือใจความสำคัญของข่าวดีเรื่องพระเยซู มนุษย์ทุกคนตกมาตรฐานของพระเจ้าผู้บริสุทธิ์หมดจด เขาไม่สามารถมีความสัมพันธ์กับพระเจ้าได้เพราะความบาปของเขา บั้นปลายชีวิตของเขานั้นแน่นอน นั่นคือความตายนิรันดร์ แต่เพราะความรัก พระเยซูได้ยอมตายบนไม้กางเขน เพื่อเป็นเครื่องบูชาลบล้างบาปให้กับมนุษย์ และทุกคนที่เชื่อวางใจในพระองค์ ก็ได้รับผลของโลหิตล้ำค่าแห่งพันธสัญญาที่หลั่งออกมาเพื่อเรา พระโลหิตนั้นจะชำระชีวิตของเราให้สะอาดหมดจด พระเจ้าจะไม่จดจำบาปของเราอีกต่อไป
นอกจากนั้น 1 โครินธ์ 10:16 ยังได้เรียกถ้วยของพิธีมหาสนิทว่าเป็น "ถ้วยแห่งพร"

ถ้วยแห่งพร ซึ่งเราได้ขอพรนั้นทำให้เรามีส่วนร่วมในพระโลหิตของพระคริสต์ไม่ใช่หรือ? ขนมปังซึ่งเราหักนั้นทำให้เรามีส่วนร่วมในพระกายของพระคริสต์ไม่ใช่หรือ?
(1 โครินธ์ 10:16)

พระเยซูผู้ซึ่งสมควรดื่มจากถ้วยแห่งพร ยอมดื่มจากถ้วยแห่งพระพิโรธของเราเสีย เพื่อที่เราจะได้ไม่ต้องดื่มจากถ้วยแห่งพระพิโรธอีกต่อไป

นี่เป็นข่าวดีที่ยิ่งใหญ่จริงๆ! คนบาปที่สมควรจะต้องดื่มจากถ้วยแห่งพระพิโรธของพระเจ้า กลายเป็นคนชอบธรรมหรือคนบุญที่สามารถดื่มจาก "ถ้วยแห่งพร" ได้ ผ่านทางโลหิตล้ำค่าแห่งพันธสัญญานี้นี่เอง

2. เราได้รับ "ใจใหม่ วิญญาณใหม่ และวิญญาณของพระเจ้า" ผ่านทางโลหิตแห่งพันธสัญญา

26 เราจะให้ใจใหม่แก่พวกเจ้า และเราจะบรรจุวิญญาณใหม่ไว้ภายในของเจ้าทั้งหลาย เราจะนำใจหินออกจากเนื้อของเจ้า และให้ใจเนื้อแก่เจ้า
27 เราจะใส่วิญญาณของเราไว้ภายในของเจ้าทั้งหลาย แล้วทำให้เจ้าดำเนินตามกฎเกณฑ์ของเรา และรักษากฎหมายของเรา ทั้งทำตามนั้น
(เอเสเคียล 36:26-27)

ผลของโลหิตแห่งพันธสัญญาในเรื่องของการไถ่เป็นสิ่งที่ดีล้ำเลิศสำหรับผู้เชื่อทุกคน และเราทุกคนก็สำนึกในพระคุณเพราะการไถ่ของพระองค์ แต่ผลของโลหิตแห่งพันธสัญญาไม่ได้จบลงแค่เรื่องของการไถ่เราให้พันจากบาปเท่านั้น พระโลหิตแห่งพันธสัญญาได้ให้สิ่งใหม่แก่เราสามสิ่ง ซึ่งเราไม่มีเมื่อเราเกิดจากครรภ์มารดา ได้แก่ ใจใหม่ วิญญาณใหม่ และวิญญาณของพระเจ้า

ใจใหม่

คำว่า "หัวใจ" ในพระคัมภีร์นั้นหมายถึงสิ่งใด?

ชีวิตของมนุษย์มีสามส่วน ได้แก่ ร่างกาย (body, biological life) จิตใจ (soul, psychological life, ประกอบด้วย ความคิด ความตั้งใจ และความรู้สึก) และจิตวิญญาณ (spirit, spiritual life) (1 เธสะโลนิกา 5:23; ฮีบรู 4:12)

คำว่า "หัวใจ" เป็นคำที่ใช้อ้างอิงถึงส่วนของจิตใจทั้งสามส่วน ได้แก่ ความคิด ความตั้งใจ และความรู้สึก บวกกับมโนธรรมซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของจิตวิญญาณ หน้าที่ของหัวใจที่สำคัญ คือใช้รักพระเจ้า

หลังจากการล้มลงในบาปของอาดัมและเอวา มนุษย์ทุกคนเกิดมาพร้อมกับใจหิน ซึ่งไม่สามารถรักพระเจ้าได้
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ผมมักจะนึกถึงโรคความผิดปกติของกล้ามเนื้อหัวใจแต่กำเนิดบางชนิด ซึ่งทำให้เกิดภาวะหัวใจล้มเหลวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะว่าเซลล์กล้ามเนื้อหัวใจไม่สามารถหดตัวได้เป็นปกติ ไม่มียาอะไรสามารถรักษาได้ และความหวังเดียวของผู้ป่วย คือ การผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจ

พระเจ้าคือแพทย์ผ่าตัดหัวใจที่เยี่ยมยอดของเรา พระองค์ไม่ได้พยายามจะเยียวยาด้วยการเปลี่ยนแปลงหัวใจของเรา เพราะเราเป็นโรคหัวใจระยะสุดท้าย สิ่งที่พระองค์ทำ คือ ผ่าตัดเอาหัวใจของเราออกมา และใส่หัวใจดวงใหม่ให้แก่เรา ซึ่งเป็นหัวใจที่สามารถรักพระเจ้าได้ หัวใจดวงนี้ไม่ใช่ใจหินอีกต่อไป แต่เป็นใจเนื้อ

วิญญาณใหม่

จิตวิญญาณ คืออวัยวะหนึ่งของเรา แม้เราจะมองไม่เห็น แต่อวัยวะนี้มีอยู่จริง อวัยวะนี้มีความสำคัญมากและไม่มีอวัยวะอื่นจะมาทดแทนได้ เราใช้จิตวิญญาณในการติดต่อกับพระเจ้า ต้อนรับพระเจ้า รับพระเจ้าเข้ามาในชีวิต และมีประสบการณ์กับพระองค์

ผลของความบาป ทำให้มนุษย์ตายฝ่ายวิญญาณ และการตายฝ่ายวิญญาณ ก็คือการที่จิตวิญญาณของเราไม่สามารถทำหน้าที่ของมันได้ นั่นคือ ถูกตัดขาดจากพระเจ้า

สรรเสริญพระเจ้า ผ่านทางโลหิตแห่งพันธสัญญา เราได้รับจิตวิญญาณใหม่ นั่นคือเราได้เกิดใหม่ฝ่ายวิญญาณ จิตวิญญาณเรากลับมามีชีวิต และในพระคริสต์ เราก็สามารถติดต่อกับพระเจ้า ต้อนรับพระเจ้า รับพระเจ้าเข้ามาในชีวิต และมีประสบการณ์กับพระองค์ได้ตลอดเวลา

วิญญาณของพระเจ้า

นอกจากที่เราจะได้รับวิญญาณใหม่แล้ว พระเจ้ายังได้สัญญาว่าพระองค์จะให้พระวิญญาณของพระองค์มาอยู่ในชีวิตของเราด้วย และผลของการสถิตอยู่ด้วยของพระวิญญาณของพระองค์ก็คือ ชีวิตเราจะได้รับการเปลี่ยนจิตใจใหม่ให้เป็นเหมือนพระเยซูมากขึ้นทุกวัน และได้รับฤทธิ์เดชในการดำเนินชีวิตติดตามและรับใช้พระองค์ด้วย

3. เราได้รับ "ความสามารถในการรับใช้ และความเพลิดเพลินกับพระเจ้า" ผ่านทางโลหิตแห่งพันธสัญญา

14 ข้าพเจ้าตอบท่านว่า "ท่านเจ้าข้า ท่านเองก็ทราบอยู่แล้ว" ท่านจึงบอกข้าพเจ้าว่า "คนเหล่านี้เป็นคนที่มาจากความยากลำบากครั้งยิ่งใหญ่ พวกเขาชำระล้างเสื้อผ้าของเขาด้วยพระโลหิตของพระเมษโปดกจนขาวสะอาด
15 เพราะเหตุนี้ เขาทั้งหลายจึงได้อยู่หน้าพระที่นั่งของพระเจ้า และปรนนิบัติพระองค์ในพระวิหารของพระองค์ทั้งกลางวันและกลางคืน และพระองค์ผู้ประทับบนพระที่นั่งจะทรงคุ้มครองพวกเขา
16 พวกเขาจะไม่หิวหรือกระหายอีกเลย ดวงอาทิตย์และความร้อนจะไม่แผดเผาเขาอีกต่อไป
17 เพราะว่าพระเมษโปดกผู้ทรงอยู่กลางพระที่นั่งนั้นจะทรงเลี้ยงดูพวกเขา และจะทรงนำเขาไปยังน้ำพุแห่งชีวิต และพระเจ้าจะทรงเช็ดน้ำตาทุกหยดจากตาของเขาทั้งหลาย"
(วิวรณ์ 7:14-17)

มากยิ่งกว่านั้นสักเท่าใด พระโลหิตของพระคริสต์ ผู้ทรงถวายพระองค์เองที่ปราศจากตำหนิแด่พระเจ้าโดยพระวิญญาณนิรันดร์ ก็จะทรงชำระมโนธรรมของเราจากการประพฤติที่เปล่าประโยชน์ เพื่อเราจะปรนนิบัติพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่
(ฮีบรู 9:14)

เมื่อเราได้รับการไถ่ และได้รับใจใหม่ วิญญาณใหม่ และวิญญาณของพระเจ้าแล้ว โลหิตแห่งพันสัญญาก็จะนำเราให้สามารถปรนนิบัติรับใช้พระเจ้าผู้มีชีวิตอยู่ได้

ช่างเป็นเกียรติที่ยิ่งใหญ่จริงๆ ที่เราได้รับใช้พระเจ้าของพระทั้งหลาย และกษัตริย์ของกษัตริย์ทั้งหลาย นี่คือสิทธิพิเศษที่ลูกของพระเจ้าเท่านั้นจะได้รับ

นอกจากนี้ ในพระธรรมวิวรณ์ยังได้ให้ภาพแก่เราว่า พระโลหิตของพระเยซูได้ชำระล้างเราจนขาวสะอาด ทำให้เราสามารถเข้าเฝ้าพระเจ้า และมีโอกาสที่จะเพลิดเพลินกับพระองค์ผู้เป็นมรดกล้ำค่าของเราได้ตลอดกาล เราสามารถมีความสุขกับการกินผลจากต้นไม้แห่งชีวิต และดื่มน้ำพุแห่งชีวิตได้ทุกเวลา และพระองค์จะเช็ดน้ำตาทุกหยดจากตาของเรา

14 คนทั้งหลายที่ชำระล้างเสื้อผ้าของตนก็เป็นสุข เพื่อว่าพวกเขาจะมีสิทธิ์ในต้นไม้แห่งชีวิต และเข้าไปในนครนั้นโดยทางประตูได้
17 พระวิญญาณและเจ้าสาวกล่าวว่า "เชิญเสด็จมาเถิด" และให้คนที่ได้ยินกล่าวด้วยว่า "เชิญเสด็จมาเถิด" "คนที่กระหายเชิญเข้ามา ใครที่มีใจปรารถนา จงมารับน้ำแห่งชีวิตโดยไม่ต้องเสียอะไรเลย"
(วิวรณ์ 22:14, 17)

แน่นอนว่าสิ่งนี้คงจะยังไม่ได้เกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์แบบจนกว่าพระเยซูจะกลับมารับเราซึ่งเป็นเจ้าสาวของพระองค์ แต่วันนี้เราก็สามารถมีประสบการณ์กับความเพลิดเพลินที่สุดยอดนี้ได้ พระเยซูคืออาหารแห่งชีวิตที่เรารับประทานได้ทุกวัน พระเยซูคือน้ำแห่งชีวิตที่เราสามารถดื่มได้ตลอดเวลา นี่เป็นชิมลางของสิ่งที่จะเกิดขึ้นจริงในฟ้าสวรรค์ใหม่และโลกใหม่ที่พระเจ้าได้วางแผนไว้เพื่อเราจะได้อยู่กับพระองค์ และเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์อย่างสมบูรณ์แบบตลอดกาล

20 ขอพระเจ้าแห่งสันติสุข ผู้ทรงนำพระผู้เลี้ยงแกะยิ่งใหญ่คือพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าของพวกเราขึ้นมาจากความตาย โดยโลหิตแห่งพันธสัญญานิรันดร์
21 ทรงให้พวกท่านเพียบพร้อมด้วยสิ่งดีทุกอย่าง เพื่อที่จะทำตามพระทัยของพระองค์โดยทรงทำงานในเรา ให้เกิดผลเป็นที่พอพระทัยในสายพระเนตรของพระองค์ทางพระเยซูคริสต์ ขอพระสิริจงมีแด่พระองค์สืบๆ ไปเป็นนิตย์ อาเมน
(ฮีบรู 13:20-21)

เขียนและเรียบเรียงโดย ธีรยสถ์ นิมมานนท์

โครงร่างเนื้อหา ประยุกต์จากหนังสือของ Living Stream Ministry

  • The holy word for morning revival: crystallization-study of Exodus, week 20: The blood of the covenant.
  • Life study of Jeremiah, message 78-79.

หมายเหตุ: ข้อพระคัมภีร์ที่อ้างอิง มาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับมาตรฐาน ปี 2011 (THSV11) ของสมาคมพระคริสตธรรมไทย หากไม่ได้ระบุว่ามาจากฉบับอื่น

No comments:

Post a Comment