ตกผลึกความจริงจากพระธรรมอพยพ
บทเรียน 21:
"การฉลองเทศกาลเลี้ยง"
(อพยพ 23:14-19)
(อพยพ 23:14-19)
ศึกษาเกี่ยวกับเทศกาลเลี้ยงที่พระเจ้ากำหนดให้อิสราเอลฉลอง
3 ครั้งต่อปี ซึ่งเป็นแบบอย่างของความเพลิดเพลินของผู้เชื่อกับความสัมพันธ์กับพระเจ้าองค์พระตรีเอกานุภาพ
14 จงฉลองเทศกาลเลี้ยงให้เกียรติเราปีละสามครั้ง
15 จงถือเทศกาลกินขนมปังไร้เชื้อ เจ้าจงกินขนมปังไร้เชื้อเจ็ดวันตามที่เราสั่งเจ้าไว้แล้ว ตามเวลาที่กำหนดไว้ในเดือนอาบีบ เพราะในเดือนนั้นเจ้าออกจากอียิปต์ ห้ามผู้ใดมาเข้าเฝ้าเรามือเปล่า
16 และจงถือเทศกาลเลี้ยงฉลองการเก็บเกี่ยวพืชผลแรกที่เกิดจากแรงงานของเจ้า ซึ่งเจ้าได้หว่านพืชลงในนา เจ้าจงถือเทศกาลเลี้ยงฉลองการเก็บพืชผลปลายปี เมื่อเจ้าเก็บพืชผลจากทุ่งนาอันเป็นผลงานของเจ้า
17 ให้ผู้ชายทุกคนของเจ้าเข้าเฝ้าพระยาห์เวห์องค์เจ้านายปีละสามครั้ง
18 ห้ามถวายเลือดจากเครื่องสัตวบูชาของเราพร้อมกับขนมปังใส่เชื้อ และห้ามปล่อยให้ไขมันในเทศกาลเลี้ยงของเราเหลืออยู่จนถึงรุ่งเช้า
19 จงนำส่วนที่ดีที่สุดของพืชผลแรกจากที่ดินของเจ้ามายังพระนิเวศของพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า
(อพยพ 23:14-19)
15 จงถือเทศกาลกินขนมปังไร้เชื้อ เจ้าจงกินขนมปังไร้เชื้อเจ็ดวันตามที่เราสั่งเจ้าไว้แล้ว ตามเวลาที่กำหนดไว้ในเดือนอาบีบ เพราะในเดือนนั้นเจ้าออกจากอียิปต์ ห้ามผู้ใดมาเข้าเฝ้าเรามือเปล่า
16 และจงถือเทศกาลเลี้ยงฉลองการเก็บเกี่ยวพืชผลแรกที่เกิดจากแรงงานของเจ้า ซึ่งเจ้าได้หว่านพืชลงในนา เจ้าจงถือเทศกาลเลี้ยงฉลองการเก็บพืชผลปลายปี เมื่อเจ้าเก็บพืชผลจากทุ่งนาอันเป็นผลงานของเจ้า
17 ให้ผู้ชายทุกคนของเจ้าเข้าเฝ้าพระยาห์เวห์องค์เจ้านายปีละสามครั้ง
18 ห้ามถวายเลือดจากเครื่องสัตวบูชาของเราพร้อมกับขนมปังใส่เชื้อ และห้ามปล่อยให้ไขมันในเทศกาลเลี้ยงของเราเหลืออยู่จนถึงรุ่งเช้า
19 จงนำส่วนที่ดีที่สุดของพืชผลแรกจากที่ดินของเจ้ามายังพระนิเวศของพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า
(อพยพ 23:14-19)
พระธรรมอพยพช่างอัศจรรย์จริงๆ เต็มไปด้วยภาพต่างๆ ที่แฝงไปด้วยความหมายที่ลึกซึ้งเกี่ยวข้องกับชีวิตคริสเตียน
ที่เราสามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้มากมาย
พี่น้องเคยเป็นเหมือนผมรึเปล่าครับ เวลาผมอ่านครึ่งแรกของพระธรรมเล่มนี้
ก็คิดว่าสนุกดี เพราะเป็นเรื่องราวของการนำชนชาติอิสราเอลออกจากอียิปต์ เต็มไปด้วยเรื่องที่น่าตื่นเต้น
จนพอมาถึงครึ่งหลัง ผมก็เริ่มรู้สึกสนุกน้อยลงเยอะ เพราะเป็นการบันทึกกฎเกณฑ์ต่างๆ
มากมาย ที่ผมรู้สึกเช่นนี้ เพราะผมอ่านพระธรรมอพยพไม่เป็น ผมศึกษาเพียงตื้นๆ ผมเห็นพระธรรมเล่มนี้เป็นเพียงเรื่องราว
และกฎเกณฑ์ข้อบังคับต่างๆ เท่านั้นเอง จึงทำให้เมื่อถึงครึ่งหลัง
ผมอาจจะซาบซึ้งมากจนหลับเลยทีเดียว
แต่หากพี่น้องอยากได้รับประโยชน์จากการศึกษาพระธรรมเล่มนี้จริงๆ
พี่น้องจำเป็นต้องเจาะลึก หาขุมทรัพย์ที่ซ่อนอยู่ในพระคำของพระเจ้า หากทำเช่นนั้น
เราจะพบว่ากฎเกณฑ์ต่างๆ ที่ดูเหมือนจะไม่มีความเกี่ยวข้องกับชีวิตของผู้เชื่อในพันธสัญญาใหม่เลยแม้แต่นิดเดียว
กลับเต็มไปด้วยความหมายที่เล็งไปถึงประสบการณ์ชีวิตของเรากับพระคริสต์ และมีสิ่งที่เราสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิตติดตามพระคริสต์ได้อย่างดีเยี่ยมมากมายทีเดียว
ผมรู้สึกขอบคุณพันธกิจของ Watchman Nee และ
Witness Lee ที่ได้ให้แนวคิดต่างๆ กับผม ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้เห็นด้วยกับศาสนศาสตร์ของท่านทั้งสองทุกเรื่อง
(ซึ่งอาจเป็นเพราะผมมีความรู้ไม่มากพอ หรือผมอาจจะเข้าใจผิดไปเอง) แต่การตีความพระคัมภีร์ที่ท่านทั้งสองได้ถ่ายทอดมา
มีพระคริสต์เป็นศูนย์กลางอย่างแท้จริง ทำให้ผมสนุกและได้รับการหนุนใจจากการอ่านพระคำของพระเจ้ามากเลยครับ
ธรรมบัญญัติที่พระเจ้าให้นั้นมีค่ามาก เป็นกฎหมายที่สมบูรณ์แบบที่สุด
และเป็นศีลธรรมสูงสุด และดังเช่นที่ผมได้เล่าให้ฟังในบทก่อนหน้านี้ เป้าหมายของธรรมบัญญัติไม่ใช่เพื่อให้เราพยายามรักษาด้วยตัวเองอย่างครบถ้วน
แต่หัวใจของธรรมบัญญัติคือเพื่อสำแดงให้เห็นบุคลิกลักษณะของพระเจ้า
เพื่อสำแดงให้เราเห็นว่าเราบกพร่องและตกจากมาตรฐานของพระเจ้า และนำเราให้พึ่งพาพระคุณของพระองค์ในองค์พระเยซูคริสต์
ซึ่งพระคุณนี่เองจะช่วยให้เราสามารถทำตามธรรมบัญญัติได้อย่างครบถ้วนโดยอัตโนมัติ
โมเสสได้บันทึกบัญญัติสิบประการไว้ในอพยพบทที่ 20 ซึ่งเป็นธรรมบัญญัติที่ล้ำค่ามาก
ต่อจากนั้นท่านได้บันทึกกฎข้อบังคับต่างๆ ที่พระเจ้าได้ให้ไว้ ในบทที่ 21-23
ซึ่งเหมือนเป็นส่วนขยายของบัญญัติสิบประการ
เมื่อเราดูภาพรวม
เราจะเห็นได้ว่าช่วงแรกของกฎข้อบังคับ เกี่ยวข้องกับข้อปฏิบัติในครอบครัวและสังคม
เน้นเน้นเพื่อรักษามนุษย์ไว้ เพราะว่านี่คือวัตถุประสงค์ของพระองค์ที่สร้างมนุษย์ขึ้นมา
พระองค์สร้างมนุษย์ขึ้นมาเพื่อพระองค์เอง และพระองค์ต้องการให้พวกเขาเป็นตัวแทนของพระองค์
สำแดงพระองค์ให้คนบนโลกนี้ได้เห็นบุคลิกลักษณะของพระองค์ เช่น ความบริสุทธิ์
ความชอบธรรม ความรักแท้ ความเมตตากรุณา ฯลฯ พระองค์ต้องการให้ลูกของพระองค์เป็นเหมือนพระองค์
ที่น่าตื่นเต้นคือ กฎข้อบังคับในอพยพ 21-23 จบลงที่การฉลองเทศกาล
3 ครั้งต่อปี ซึ่งเป็นบทสรุปของการดำเนินชีวิตในพระองค์
นั่นคือ เพื่อที่เราจะเพลิดเพลิดเพลินกับองค์ตรีเอกานุภาพชั่วนิรันดร์
ซึ่งจะเป็นประสบการณ์ที่เราจะพบได้เมื่อเราอยู่ในพระคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา
ดังนั้น ผมจึงคิดว่า อพยพ 21-23 แสดงภาพของเป้าหมายของมนุษย์
นั่นคือ เพื่อถวายเกียรติแด่พระเจ้า และเพลิดเพลินกับพระองค์ตลอดกาล
(Westminster Catechism)
เทศกาลทั้งสามมีอะไรบ้าง? แสดงให้เราเห็นภาพของการเฉลิมฉลองพระเจ้าองค์ตรีเอกานุภาพได้อย่างไร?
และเราจะนำไปใช้ในการดำเนินชีวิตคริสเตียนได้อย่างไร? โปรดติดตามอ่านต่อไปนะครับ
1. เทศกาลขนมปังไร้เชื้อ
จงถือเทศกาลกินขนมปังไร้เชื้อ
เจ้าจงกินขนมปังไร้เชื้อเจ็ดวันตามที่เราสั่งเจ้าไว้แล้ว ตามเวลาที่กำหนดไว้ในเดือนอาบีบ
เพราะในเดือนนั้นเจ้าออกจากอียิปต์ ห้ามผู้ใดมาเข้าเฝ้าเรามือเปล่า
(อพยพ 23:15)
(อพยพ 23:15)
ในอพยพบทที่ 12 มีการบัญญัติพิธีปัสกาขึ้นมา ซึ่งแน่นอนว่าพิธีนี้เป็นภาพของการสละชีวิตของพระคริสต์
เพื่อตายไถ่บาปแทนเรา และเป็นภาพของโลหิตของพระคริสต์ ที่ปกคลุมบาปของเราไว้
ทำให้เราหลุดพ้นจากอำนาจของซาตาน โลก และความบาป ทำให้เราสามารถกลับมาคืนดีกับพระเจ้าได้อีกครั้งหนึ่ง
สรรเสริญพระเยซู ผู้เป็น "ปัสกา"
ที่สมบูรณ์แบบของเรา
และหลังจากพิธีปัสกาแล้ว ก็มีเทศกาลหนึ่งที่เกิดขึ้นตามมาติดๆ
ที่ชาวอิสราเอลจะต้องฉลองเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์ นั่นคือ "เทศกาลขนมปังไร้เชื้อ"
และอีกครั้งหนึ่ง ขนมปังไร้เชื้อเป็นภาพที่เล็งถึงพระคริสต์ผู้เป็น
"ขนมปังไร้เชื้อ" ของเรา
พระองค์เป็นอาหารแห่งชีวิตของเรา และเป็นผู้ที่ไร้บาปอย่างสิ้นเชิง
7
จงชำระเชื้อเก่าเสีย เพื่อท่านจะได้เป็นแป้งดิบก้อนใหม่
เหมือนขนมปังไร้เชื้อ
เพราะพระคริสต์ผู้ทรงเป็นปัสกาของเราได้ถูกฆ่าบูชาเสียแล้ว
8 เหตุฉะนั้นให้เราถือปัสกานั้น มิใช่ด้วยเชื้อเก่า ซึ่งเป็นเชื้อของความชั่วช้าเลวทราม แต่ด้วยขนมปังที่ไม่มีเชื้อ คือความจริงใจและสัจจะ
(1 โครินธ์ 5:7-8)
8 เหตุฉะนั้นให้เราถือปัสกานั้น มิใช่ด้วยเชื้อเก่า ซึ่งเป็นเชื้อของความชั่วช้าเลวทราม แต่ด้วยขนมปังที่ไม่มีเชื้อ คือความจริงใจและสัจจะ
(1 โครินธ์ 5:7-8)
ดังนั้น เทศกาลขนมปังไร้เชื้อ จึงเป็นภาพของการเฉลิมฉลองพระคริสต์
ผู้เป็นขนมปังไร้เชื้อของเรา
ช่างดีเหลือเกิน ที่ชีวิตคริสเตียน เป็นเรื่องของการเฉลิมฉลองพระคริสต์
เป็นเรื่องของการเพลิดเพลินกับการกินและดื่มพระคริสต์ ผู้เป็นอาหารแห่งชีวิต และน้ำแห่งชีวิตที่ธำรงเลี้ยงชีวิตพวกเราอยู่เสมอ
และนี่ก็คือเคล็ดลับของการดำรงชีวิตที่บริสุทธิ์
แน่นอน มนุษย์ยังมีความอ่อนแอ คงจะไม่มีใครที่สามารถดำรงชีวิตที่ไร้บาปอย่างสิ้นเชิง
แต่แม้ว่าเราจะดำรงชีวิตที่ไร้บาปไม่ได้ 100% เราสามารดำรงชีวิตที่ทำบาปน้อยลงได้ทุกวันๆ
และวิธีเดียวที่เราจะทำได้ ก็คือการเฉลิมฉลองพระคริสต์ ด้วยการกินและดื่มพระองค์ผู้เป็นขนมปังไร้เชื้อของเรา
แล้วชีวิตของเราก็จะได้รับการเติมด้วยชีวิตของพระองค์ ซึ่งเป็นชีวิตที่ไร้บาปอย่างสมบูรณ์แบบ
นี่คือวงจรที่เราจะพบได้ ก็คือ ยิ่งเราเพลิดเพลินกับพระองค์ เราก็จะยิ่งบาปน้อยลง
และยิ่งเราบาปน้อยลง เราก็จะยิ่งเพลิดเพลินกับพระองค์ได้มากยิ่งขึ้น
ดังนั้น หากพี่น้องมีบาปใดที่พระวิญญาณบริสุทธิ์สำแดงให้เห็นในชีวิตแล้ว
อย่าปล่อยทิ้งไว้นะครับ เพราะบาปนั้นจะเป็นเหมือนเชื้อขนมปังที่เล็กนิดเดียว
แต่ทำให้ขนมปังทั้งก้อนฟูได้ เชื้อแห่งบาปนั้นจะทำให้ความสัมพันธ์ของพี่น้องกับพระคริสต์มีปัญหา
แม้ว่าความบาปนั้นจะไม่ได้ส่งผลต่อการสูญเสียความรอด (เพราะบาปในอดีต ปัจจุบัน และอนาคตของพี่น้องได้รับการชำระหมดแล้วโดยพระโลหิตอันล้ำค่าของพระองค์)
แต่ความบาปนั้นจะส่งผลให้ชีวิตของพี่น้องขาดความชื่นชมยินดี และเต็มไปด้วยอารมณ์เซ็ง
อารมณ์เครียด อารมณ์เบื่อ
แต่นี่คือพระสัญญาของพระเจ้า คือเมื่อใดที่พี่น้องนำบาปนั้นมาสารภาพกับพระองค์
ความบาปนั้นจะได้รับการจัดการและหมดพิษสงในชีวิตของพี่น้อง
ถ้าเราสารภาพบาปของเรา
พระองค์ทรงสัตย์ซื่อและเที่ยงธรรม ก็จะทรงโปรดยกบาปของเรา
และจะทรงชำระเราให้พ้นจากการอธรรมทั้งสิ้น
(1 ยอห์น 1:9)
(1 ยอห์น 1:9)
เมื่อพี่น้องจัดการกับบาปนั้นแล้ว พี่น้องก็สามารถกลับมาเพลิดเพลินกับพระคริสต์ได้อีกครั้งหนึ่ง
อันเป็นความสุขที่ดีเยี่ยม และเต็มไปด้วยพรจริงๆ ครับ
2. เทศกาลเก็บเกี่ยวพืชผลแรก
และจงถือเทศกาลเลี้ยงฉลองการเก็บเกี่ยวพืชผลแรกที่เกิดจากแรงงานของเจ้า
ซึ่งเจ้าได้หว่านพืชลงในนา
(อพยพ 23:16ก)
(อพยพ 23:16ก)
เทศกาลเก็บเกี่ยวพืชผลแรก เป็นเทศกาลเดียวกับ "เทศกาลสัปดาห์" (อพยพ 23:22)
และ "เทศกาลเพ็นเทคอสต์"
ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากวันเริ่มต้นของเทศกาลขนมปังไร้เชื้อ
50 วัน (เพ็นเทคอสต์ แปลว่า ที่ห้าสิบ)
เมื่อเราพูดถึงคำว่า "ผลแรก" ในพันธสัญญาใหม่ ก็จะมีความหมายเล็งถึง
"พระคริสต์ผู้เป็นขึ้นมาจากความตาย"
แต่บัดนี้
พระคริสต์ทรงถูกทำให้เป็นขึ้นมาจากความตายแล้ว
และทรงเป็นผลแรกของพวกที่ล่วงหลับไป
(1 โครินธ์ 15:20)
(1 โครินธ์ 15:20)
และนอกจากนี้ พระธรรมโรมยังได้บอกว่า เราผู้เชื่อได้รับ "พระวิญญาณเป็นผลแรก"
และไม่ใช่เท่านั้น
แต่เราเองด้วย ผู้ได้รับพระวิญญาณเป็นผลแรก
ตัวเราเองก็ยังคร่ำครวญคอยการที่พระเจ้าจะทรงให้มีฐานะเป็นบุตร
คือที่จะทรงไถ่กายของเรา
(โรม 8:23)
(โรม 8:23)
จากพระคำสองตอนนี้ จึงสรุปได้ว่า "ผลแรก" ในที่นี้ก็คือพระคริสต์ผู้เป็นขึ้นจากความตายและพระวิญญาณบริสุทธิ์
และการฉลองเทศกาลเก็บเกี่ยวพืชผลแรก ก็เป็นการเฉลิมฉลองพระคริสต์ผู้ที่เป็นขึ้นจากความตายและเป็นวิญญาณที่ให้ชีวิตแก่เรา
(1 โครินธ์ 15:45) และเป็นการเฉลิมฉลองพระวิญญาณบริสุทธิ์ผู้ซึ่งพระคริสต์ได้ให้แก่เรา
สำหรับผู้ที่มีความคุ้นเคยกับพันธสัญญาใหม่ ก็จะรู้ทันทีว่า
วันเพ็นเทคอสต์ คือวันที่เหล่าสาวกได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์ (กิจการ 2)
ดังนั้น เทศกาลเก็บเกี่ยวพืชผลแรก จึงเป็นภาพของการเฉลิมฉลองพระวิญญาณบริสุทธิ์
ผู้เป็นผลแรกของเรา
สรรเสริญพระเจ้า พระวิญญาณบริสุทธิ์ดำรงชีวิตอยู่ในเราเสมอ
เราไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไป เรามีพระเจ้าอยู่กับเรา และอยู่ในเรา ผลที่เกิดขึ้นจากการเพลิดเพลินกับพระวิญญาณก็คือ ชีวิตเราจะได้รับการเปลี่ยนแปลง
พระองค์จะนำเราให้ติดสนิทกับเถาองุ่น นั่นคือพระเยซู แล้วเราก็จะเกิดผล
อัครทูตเปาโลบอกว่า เราเป็นไร่นาของพระเจ้า
เพราะว่าเราทั้งหลายร่วมกันทำงานเพื่อพระเจ้า
ท่านทั้งหลายเป็นไร่นาของพระเจ้า และเป็นตึกของพระองค์
(1 โครินธ์ 3:9)
(1 โครินธ์ 3:9)
เมื่อเราเป็นไร่นาที่อยู่ในพระคริสต์ เราได้รับสารอาหารจากพระองค์
และผลที่เกิดขึ้น อันได้แก่ผลของพระวิญญาณที่ปรากฏในกาลาเทีย 5:22-23 ก็คือบุคลิกลักษณะของพระคริสต์นั่นเอง
ดังนั้น
ชีวิตเราจะแสดงผลออกมาเป็นพระคริสต์ คนรอบข้างก็จะได้เห็น สัมผัส
และได้รับการบำรุงเลี้ยงชีวิต ผ่านทางชีวิตของเรา
3. เทศกาลเลี้ยงฉลองการเก็บพืชผลปลายปี
เจ้าจงถือเทศกาลเลี้ยงฉลองการเก็บพืชผลปลายปี
เมื่อเจ้าเก็บพืชผลจากทุ่งนาอันเป็นผลงานของเจ้า
(อพยพ 23:26ข)
(อพยพ 23:26ข)
เทศกาลเลี้ยงฉลองการเก็บพืชผลปลายปี
มีอีกชื่อหนึ่งคือ "เทศกาลอยู่เพิง"
เนื่องจากเป็นการเก็บพืชผลครั้งสุดท้ายของปี จึงเป็นภาพที่เล็งถึงความเพลิดเพลินของเราในความบริบูรณ์ของพระเจ้าพระบิดาในพระคริสต์ (โคโลสี 2:9)
ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่เราจะได้รับอย่างเต็มที่ในยุคพันปี เมื่อพระคริสต์จะมาปกครองในโลกนี้เป็นเวลาพันปี
ที่สำคัญ
ความเพลิดเพลินของเรายังไม่ได้จบลงแค่ยุคพันปี เพราะเมื่อโลกนี้ถูกชำระด้วยไฟแล้ว จะเกิดฟ้าสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่ขึ้นมา
ซึ่งมีศูนย์กลางคือนครเยรูซาเล็มใหม่ ที่ซึ่งเราจะได้เพลิดเพลินกับพระเจ้าชั่วนิรันดร์
2
และข้าพเจ้าได้เห็นนครบริสุทธิ์
คือนครเยรูซาเล็มใหม่ลอยลงมาจากสวรรค์และจากพระเจ้า
นครนี้เตรียมพร้อมเหมือนอย่างเจ้าสาวที่แต่งตัวไว้สำหรับสามี
3 ข้าพเจ้าได้ยินเสียงดังจากพระที่นั่งว่า “นี่แน่ะ ที่ประทับของพระเจ้าอยู่กับมนุษย์แล้ว และพระองค์จะประทับกับเขาทั้งหลาย พวกเขาจะเป็นชนชาติของพระองค์ พระเจ้าเองจะสถิตกับเขา และจะทรงเป็นพระเจ้าของเขา
(วิวรณ์ 21:2-3)
3 ข้าพเจ้าได้ยินเสียงดังจากพระที่นั่งว่า “นี่แน่ะ ที่ประทับของพระเจ้าอยู่กับมนุษย์แล้ว และพระองค์จะประทับกับเขาทั้งหลาย พวกเขาจะเป็นชนชาติของพระองค์ พระเจ้าเองจะสถิตกับเขา และจะทรงเป็นพระเจ้าของเขา
(วิวรณ์ 21:2-3)
(คำว่า "ที่ประทับ"
ในข้อ 3 แปลตามตัวอักษร
เป็นคำเดียวกับคำว่า "เพิง")
ดังนั้นเทศกาลเลี้ยงฉลองการเก็บพืชผลปลายปี จึงเป็นภาพของการเฉลิมฉลองพระเจ้าพระบิดา
โดยเฉพาะในช่วงยุคพันปี และในฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลกใหม่ชั่วนิรันดร์
เมื่อย้อนกลับไปดูวัตถุประสงค์เดิม
พระเจ้าตั้งเทศกาลนี้ขึ้นมา เพื่อให้คนอิสราเอลนึกถึงเหตุการณ์เมื่อพระองค์นำบรรพบุรุษของเขาออกจากอียิปต์
พวกเขาต้องอาศัยอยู่ในเพิง ซึ่งเป็นที่พักอาศัยเพียงชั่วคราว พระเจ้าเตรียมที่ที่ดีกว่านั้นไว้ให้แก่พวกเขาแล้ว
นั่นคือแผ่นดินดีที่พระเจ้าสัญญาว่าจะให้แก่พวกเขา
42
จงอยู่ในเพิงเจ็ดวัน
ทุกคนที่เป็นชาวพื้นเมืองอิสราเอลให้เข้าอยู่ในเพิง
43 เพื่อชาติพันธุ์ของเจ้าจะได้รับรู้ว่า เมื่อเราพาคนอิสราเอลออกจากแผ่นดินอียิปต์นั้น เราได้ให้เขาอยู่ในเพิง เราคือยาห์เวห์ พระเจ้าของเจ้า
(เลวีนิติ 23:42-43)
43 เพื่อชาติพันธุ์ของเจ้าจะได้รับรู้ว่า เมื่อเราพาคนอิสราเอลออกจากแผ่นดินอียิปต์นั้น เราได้ให้เขาอยู่ในเพิง เราคือยาห์เวห์ พระเจ้าของเจ้า
(เลวีนิติ 23:42-43)
เมื่อเราคิดถึงเทศกาลนี้
ขอให้เราระลึกว่า โลกนี้ไม่ใช่บ้านอันถาวรของเรา
ขณะที่ผมกำลังศึกษาอยู่ในสหราชอาณาจักร ผมมีความสุขมาก
ชีวิตสุขสบาย แต่จะให้ผมซื้อรถ ซื้อบ้าน หรือตั้งหลักปักฐานที่นี่เลยหรือ? ผมคงจะไม่ทำ
เพราะมีเงินไม่พอ (ล้อเล่นครับ)
ที่ผมไม่ทำเช่นนั้นเพราะผมรู้ว่าที่นี่ไม่ใช่บ้านของผม และเมื่อผมเรียนจบ
(ขอพระเจ้าเมตตาที่ผมจะจบครับ) ผมก็จะกลับประเทศไทย ซึ่งเป็นบ้านเกิดเมืองนอนของผม
ที่ซึ่งคนที่ผมรักอาศัยอยู่
เช่นเดียวกันครับ ในโลกนี้เราอาจมีความสะดวกสบายมากมาย
แต่ที่นี่ไม่ใช่บ้านของเรา
พระเจ้าได้เตรียมที่ที่ดีกว่าโลกนี้อย่างเทียบไม่ได้ไว้ให้กับเราแล้วในฟ้าสวรรค์ใหม่และโลกใหม่
ที่นั่นจะเป็นบ้านของเรา
และจะเป็นที่ซึ่งเราจะได้อยู่กับผู้ที่เรารักและรักเราตลอดไป
14 เพราะว่าเราไม่มีนครที่ถาวรอยู่ที่นี่
แต่เราแสวงหานครที่จะมาในภายหน้า
15 เพราะฉะนั้น ให้เราถวายคำสรรเสริญเป็นเครื่องบูชาแด่พระเจ้าตลอดไปโดยทางพระองค์นั้น คือถวายผลจากปากที่ยอมรับเชื่อพระนามของพระองค์
16 อย่าละเลยที่จะทำความดี และแบ่งปันข้าวของซึ่งกันและกัน เพราะเครื่องบูชาอย่างนั้นเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า
(ฮีบรู 13:14-16)
15 เพราะฉะนั้น ให้เราถวายคำสรรเสริญเป็นเครื่องบูชาแด่พระเจ้าตลอดไปโดยทางพระองค์นั้น คือถวายผลจากปากที่ยอมรับเชื่อพระนามของพระองค์
16 อย่าละเลยที่จะทำความดี และแบ่งปันข้าวของซึ่งกันและกัน เพราะเครื่องบูชาอย่างนั้นเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า
(ฮีบรู 13:14-16)
เขียนและเรียบเรียงโดย ธีรยสถ์ นิมมานนท์
- The holy word for morning revival: crystallization-study of Exodus, week 21: Keeping feasts unto God three times a year typifying the full enjoyment of the Triune God in Christ.
- Life study of Jeremiah, message 69-72.
หมายเหตุ: ข้อพระคัมภีร์ที่อ้างอิง
มาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับมาตรฐาน ปี 2011 (THSV11) ของสมาคมพระคริสตธรรมไทย
หากไม่ได้ระบุว่ามาจากฉบับอื่น
No comments:
Post a Comment